10 อันดับสัตว์ที่สุดเหลือเชื่อที่นำมาปรุงอาหารได้

 
รายการต่อไปนี้อาจทำให้คุณสะอิดสะเอียนพอสมควร
แต่มันน่าสนใจ และน่าอ่าน โดยในวิพีมีเดียมีศัพท์หนึ่งเขียนว่า
“Taboo food and drink” หรือ “ข้อห้ามอาหารและเครื่องดื่ม”
อันเป็นข้อห้ามที่กินอะไรบางอย่างที่สังคมและวัฒนธรรม
ในประเทศนั้นๆ รับไม่ได้ อาจเนื่องด้วยเหตุผลศาสนาที่มี
ข้อห้ามอาหาร เช่น ห้ามกินหมู สัตว์เลื้อยคลาน
ปลากระดูกแข็ง พืช หรือเชื้อรา และแมลงต่างๆ
หรืออาจเป็นเรื่องของสุขอนามัยและการสูญพันธุ์
ของสัตว์ที่ถูกกินจนต้องร่างกฎหมายดังกล่าว
และต่อไปนี้คือ 10 อันดับ สัตว์ที่เหลือเชื่อว่าจะสามารถมากินได้

                10. Elephant

จริงอยู่ที่ในสังคมตะวันตกช้างเป็นสัตว์น่ารักเหมาะนำมาใช้งานและความ
บันเทิงมากกว่าจะมาทำเป็นอาหาร
อีกทั้งรูปร่างของมันดูยังไงก็ไม่น่าจะรับประทานได้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในภาคกลาง
และแอฟริกาตะวันตกช้าง
พวกชาวพื้นเมืองมักล่าช้างเพื่อนำไปเป็นอาหารมากกว่าจะเอางาของมัน
โดยช้างนั้นเป้นสัตว์ให้เนื้อเยอะถึง
1000 ปอนด์ต่อตัว โดยจะแล่เนื้อช้างเอาไปรมควันและเอาไปตากเค็ม
ในแคเมอรูนเนื้อช้างถูกวางจำหน่าย
ในตลาดราวกับเนื้อหมูทั้งที่ผิดกฎหมาย ที่ประเทศซิมบับเวนั้นกินสดๆ
หลังจากช้างล้มไปก็มีเนื่องจากความ
หิวโหย ส่วนในประเทศไทยเชื่อว่าการกินเนื้อช้างจะมีผลต่อสมภาพ
ทางเพศดีขึ้นทำให้มีหลายครั้งที่ช้างมัก
ถูกล่าเพื่อการนี้ และในศาสนายิวและศาสนาอิสลามมีกฎชัดเจนว่า
ห้ามบริโภคเนื้อช้างเพราะช้างเป็นสัตว์บก
ที่ไม่เหมาะแก่การบริโภค ปัจจุบันช้างเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และ
เป็นสัตว์ที่ป้องกันจากการล่าของมนุษย์ยากที่สุด

9. Gorilla

 
กอริลลาเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ที่ป้องกันการล่ายากพอๆ กับช้าง ชาวเมืองพื้นเมืองของประเทศต่างๆ
ในแอฟริกา ไม่ว่าเป็นแคเมอรูน อูกันดา คองโก นิยมเอาเนื้อกอริลล่าในไปตุ๋นโดยขายตามตลาด
ในเมืองใหญ่ โดยเนื้อกอริลล่าจะถูกแบ่งเป็นชิ้นๆ และนำไปรมควัน ขายประมาณชิ้นละ 6 ดอลลาร์
ส่วนมากมักนิยมกินในประเทศมากกว่าส่งออก ในแต่ละปีกอริลล่าประมาณ 300 ตัวจะถูกฆ่าเพื่อไป
ทำเป็นอาหาร
บางประเทศการกินเนื้อกอริลล่าและลิงชิมแปนซีซึ่งถือว่าเป็นประเพณีเก่าแก่มากและประเพณีดัง
กล่าวยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันกอริลล่าใกล้จะสูญพันธุ์และมีการคาดหมายว่าในทศวรรษหน้า
กอริลล่าจะหมดโลก

8. Ants

 
มดเป็นอาหารที่นิยมในบางประเทศเนื่องจากมดมีคุณค่าทางโชนาการและรสอร่อยและเหมาะ
แก่การส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์เพราะเต็มไปด้วยพลังงานและสารอาหาร ในประเทศไทย
นั้นในภาคอีสานและภาคเหนือนิยมเลี้ยงมดเพื่อเอามาทำเป็นอาหารราวกับสัตว์เศรษฐกิจ
เช่น ทางภาคเหนือนิยมกินนำไข่มดส้มมาทำอะไร เช่น ใส่ในไข่ตุ๋น ก้อยไข่มดแดง ยำไข่มดส้ม
ในประเทศอินเดียและอเมริกาใต้มดนิยมนำมาทอดหรืออบ(ในกรณีมดที่มีขนาดใหญ่)
ในฝรั่งเศสหรืออินเดียจะนำมดมาทำช็อคโกแลตอย่างหรู โดยเขาจะนำนางพญามดเขี้ยวใบมีดมาใส่
ในช็อคโกแลตเบลเยี่ยมอย่างดี โดยแต่ละก้อนจะมีมดสี่ตัว ราคาประมาณ £ 4.99 ซึ่งขายตาม
เว็บในอินเตอร์เน็ตและ คุณสามารถดูการทำมดช็อคโกแลตได้ในคลิปด้านล่าง


7. Tetraodontiformes

 
ปลาปักเป้าทั้งน้ำจืดและ น้ำเค็มเป็นปลาต้องห้ามผลิตและจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก
เนื่องจากมันมีพิษ ที่ชื่อว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin)ในหนังปลา ไข่ปลา เนื้อปลา
ตับ และลำไส้ มีความทนต่อความร้อนสูง
ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการบริโภคเนื้อปลาปักเป้ามาตั้งแต่โบราณ โดยเนื้อปลาปักเป้ามี
ภาษาญี่ปุ่นว่า “ฟุคุ” เนื้อปักเป้าถือว่าเป็นอาหารราคาแพงและหายาก โดยผู้ที่ต้องการ
แล่ปลาปักเป้าจะต้องไปเรียนวิธีการแล่เนื้อปลาจากสมาคมการแล่ปลาปักเป้าแห่ง
ญี่ปุ่นและได้รับใบประกาศมา
การแล่ต้องเอาเส้นเมาออกซึ่งเส้นเมาหรือเส้นพิษจะมีขนาดเล็กและบางมาก โดยตัวหนึ่ง
จะมีเนื้อที่กินได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น โดยราคาซาซิมิปักเป้าญี่ปุ่นขายกันจานล่ะ หมื่นเยน
แต่กระนั้นเนื้อปลาปักเป้ากฌเป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเนื่องจากรสชาติที่หวาน กรุบ
และถือว่าการกินปลาปักเป้าเป็นการท้าทายความตายด้วย


6. Rat
 
ในวัฒนธรรมตะวันตกส่วนใหญ่ หนูขาวและหนู ถือว่าเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ นำภัยพิบัติมาให้
หรือนำเชื้อโรคอันตราย อย่างมากหนูก็เหมาะเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้น ไม่ควรบริโภคเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในบางประเทศหนูถือว่าเป็นสัตว์ที่มีโปรตีนสูงหาง่ายในประเทศตะวันออกเฉียงเหนือ
เช่น ไทย อินโดจีน และเวียดนาม มักนำหนูนามาย่าง โดยหนูส่วนใหญ่ที่เอามากินเป็นหนูนา
หนูเคน(หรือหนูไร่อ้อยมีขนาดยักษ์มาก) ส่วนในแอฟริกานั้นค่อนข้างยากจนอดอยาก
ไม่มีอาหารกิน(รวมไปถึงเกาหลีเหนือ) หนูจึงเป็นแหล่งโปรตีนอย่างช่วยไม่ได้ โดยหนู
ที่ส่วนใหญ่มักเป็นหนูขนาดเล็ก เช่นหนูแบมบู หนูบุช ที่ซิมบับเวนั้นกินหนูสดๆ ส่วนในอเมริกาใต้
เช่น เปรู เอกวาเดอร์มักนำหนูตะเภาชนิดหนึ่งเอามาย่างให้หนังกรอบเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง
จำพวกซอสหรือมันฝรั่งทอดกิน ส่วนในจีนหรือไต้หวันนิยมเอาลูกหนูที่ยังไม่หย่านม
เอามาดองเหล้า!!
 
5. Turtles
 

เต่า เป็นอาหารอันโอชะที่เป็นที่นิยมในสมัยวิคตอเรีย แต่ปัจจุบันประชากรเต่าเริ่มลดน้อยลงจากมลภาระสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มมากขึ้น ที่สหรัฐอเมริกาเต่าน้ำจืดมากมายหลายชนิดได้ถูกปกป้องจากกฎหมายไม่ให้ล่า เป็นอาหาร ส่วนในเอเชีย โดยเฉพาะจีนเต่าถือว่าเป็นอาหารชั้นยอด เต่านั้นมีเนื้อสัมผัสเหมือนกับกบหรือกุ้งก้ามกราม รสชาติคล้ายเนื้อลูกวัว นิยมเอาไปทำสูตว์, ต้มซุป จนหลายประเทศในเอเชียออกกฎหมายป้องกันไม่ให้เต่าทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์นำมา รับประทาน  ดังนั้นเต่าส่วนใหญ่ จึงเที่เอามารับประทานป็นเต่าน้ำจืด ที่มาจากการเพาะเลี้ยงในสหรัฐ เอามาแบบบรรจุกระป๋องและแช่แข็ง โดยซุปกระป๋องจากเต่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่พบเห็นบ่อยที่สุดในชั้นวางสินค้าตาม ร้านใหญ่ทั่วโลก

4. Cat
 

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กที่หลายประเทศต่อต้าน
และรังเกียจมากหากใครที่เอาแมวมาทำอาหารอาหาร
แต่กระนั้นแมวก็ยังเป็นสัตว์ที่บางประเทศนิยมมากิน
เช่นในประเทศจีนและเวียดนาม ในประเทศจีนนั้นใน
ปี 2008 มีรายงานว่าแมวเป็นอาหารหลักของท้องถิ่น
ในกวางตง และมีรายงานอีกว่ามีแมวจำนวนมากกว่า 10,000 ตัว
ต่อถูกส่งมาจากพื้นที่ต่างๆ ของจีนเพื่อรวบรวมในทิศเหนือ
ของกว่างโจวเพื่อส่งออกในประเทศเพื่อนำไปเป็นอาหาร
จนกลายธุรกิจใหญ่ ทำให้ผู้ประท้วงหลายคนเรียกร้อง
ให้รัฐบาลกว่างโจวปราบปรามผ็ค้าและร้านที่ทำอาหาร
จากเนื้อแมวแม้ว่ากฎหมายในจีนไม่มีข้อห้ามให้กินแมวก็ตาม
และบางพื้นที่ในอเมริกาใต้อย่างอาร์เจนติน่า รัสเซีย
วิเซนซา(ทางตอนเหนือของอิตาลี) ก็มีรายงานกินเนื้อแมว
โดยส่วนมากมักทำเป็นซุปหรือสตูว์ ส่วนในเวียดนาม
ร้านอาหารบางพื้นที่ภาคเหนือจะโฆษณาแมวหม้อไฟว่า
“เสื้อน้อย” โดยหน้าร้านจะมีแมวที่ขังกระซังไว้เพื่อพร้อม
จะนำมาฆ่าและปรุงเป็นอาหาร

3. Dog

 
โดยทั่วไปนั้นประเทศตะวันตกทั้งหมดการกินเนื้อสุนัข
และแมวถือว่าเป็นข้อห้าม ในพระคัมภีร์โบราณฮินดู
ศาสนายิว ก็เขียนชัดเจนว่าเนื้อสุนัขถือว่าเป็นอาหารที่สกปรกที่สุด(ละมีพิษ) แต่สมัยก่อนนั้นชาวยุโรป
ก็กินเนื้อสุนัขเหมือนกันเพราะความอดอยาก
และความอดอยากนี้เองทำให้หลายพื้นจำเป็น
ต้องกินเนื้อสุนัข อย่างแอฟริกาใต้ไนจีเรียเชื่อว่า
เป็นอาหารบำรุงสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บและยังช่วย
ให้ฟิตเรื่องเซ็กส์ด้วย โดยต้มเปื่อยเนื้อสุนัขใส่
พริกไทยถือเป็นเมนูยอดฮิต ในชนบทบางแห่งใน
โปแลนด์ไขมันสุนัขถือว่าเป็นยา ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แม้ว่าหลายคนไม่นิยมกินเนื้อสุนัข
(ศาสนาและค่านิยมมีข้อห้ามอยู่) แต่กระนั้นก็มีการก็ยังมีบางพื้นที่ที่กินเนื้อสุนัขเพราะเชื่อว่ามันจะคลาย
หนาวเช่นในบางพื้นทางภาคเหนือของเวียดนาม
นิยมทำสุนัขย่างไฟจนเนื้อออกเป็นสีน้ำตาลอ่อน
ในจีนเนื้อสุนัขบางพื้น เช่น มณฑลหยุนหนัน
กว่างซีจ้วง ได้นำมาขายจนกลายเป็นการค้า
โดยจากนำเนื้อสุนัขหรือตัวสุนัขที่แล่เหมือน
หมูนำมาแช่เย็นและเอาไปขายในซูเปอร์มาร์เก็ต และเกาหลีใต้ กินสุนัขเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น
โดยเฉพาะหมาดำ นิยมเอาไปทำชาบูชาบูกิน
เชื่อว่ากินแล้วผิวจะสวย
 
2. Spiders
 
ในส่วนต่างๆ ของโลกแมงมุมไม่นิยมจะเป็นอาหารกัน
เพราะแมงมุมนั้นเป็นสัตว์น่าขยะแขยง การที่จะนำมากินจะต้อง
เป็นแมงมุมขนาดใหญ่และคนกินจะต้องใจกล้าได้
แต่ในประเทศกัมพูชานั้น แมงมุมสามารถหาซื้อได้ตาม
ร้านข้างถนนหรือแผงลอยทั่วไป โดยส่วนใหญ่ขายใน
เมือง Skuon ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในประเทศเขมร
โดยแมงมุมที่ว่ามีลักษณะคล้ายแมงมุมพิษขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง
อาศัยอยู่ในดิน เวลาจะนำมาขายก็นำทอดในน้ำมันเดือดๆ
แล้วก็เคี้ยวทั้งตัว อาจจะเคี้ยวยากนิดๆ หน่อย บางคนบอก
ว่ารสชาติเหมือนปู โดยการกินแมงมุมนั้นมาจาก
ความอดอยากและความหวาดกลัวในสมัยเขมรแดงพรพต
เรืองอำนาจ และมีความเชื่อว่าใช้เป็นยาบำรุงหัวใจและปอด

1. Human meat
 
แน่นอนว่าเนื้อมนุษย์เป็นสิ่งต้องห้ามทั่วโลก ไม่ว่าจะห้าม
เพราะกฎหมายหรือกฎสังคมก็ตาม ในศาสนาอิสลามและ
ศาสนาฮินดูล้วนระบุอย่างชัดเจนว่าห้ามกินเนื้อมนุษย์
แต่กระนั้นตั้งแต่อดีตหรือปัจจุบันก็ยังมีรายงานการกินเนื้อ
เพื่อนมนุษย์ด้วยกันบ่อยครั้ง อาจเป็นเพราะพิธีกรรม ความบ้า
ความเกลียดชัง หรือความอดอยาก โดยสิ่งเหล่านี้เป็นตัวเร่ง
ให้มนุษย์กินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง อย่างเช่นคนพื้นเมืองในประเทศ
ปาปัวนิวกินีที่กินเนื้อศัตรูต่างเผ่าเพราะเชื่อว่าตนจะมีพลัง
อำนาจมากมาย หรือจะเป็นฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าและกินคน
เพราะความวิปริต นอกจากนี้ในจีนก็มีรายงานกินเนื้อ
เด็กทารกเหมือนกัน ส่วนชิ้นส่วนมนุษย์หลายอย่าง
ก็ถูกห้ามเช่นกัน เช่นการกินรกหลังคลอดของทารก
แต่กระนั้นก็มีบางกลุ่มยังกินอยู่(เช่นอเมริกาและยุโรป
เม็กซิโก ฮาวาย จีน แบะหมูเกาะแปซิฟิก)
เชื่อว่าการการกินป้องกันไม่ให้เกิดภาวะซึมเศร้าหลัง
คบอดและภาวะแทรกซ้อนการตั้งครรภ์อื่นๆ
 
 http://www.clipmass.com/story/27613
 http://news.clipmass.com/story/27591