มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา
บอกไว้ว่า เมื่อเราอารมณ์ดีแล้วหัวเราะ สมองจะหลั่งสารเอนดอร์ฟิน
ซึ่งทำให้เรามีความสุขและจะช่วยให้เราจะเกิดความคิดสร้างสรรค์ที่กว้างขึ้น
ด้วยละคะ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า
การหัวเราะนั้นมีประโยชน์ต่อระบบร่างกายมาก เช่น เมื่อหัวเราะมากๆ
ถือเป็นการออกกำลังทุกส่วนของร่างกาย ทำให้อวัยวะต่างๆ
ได้เคลื่อนไหวเป็นจังหวะ หัวใจจึงสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ
ได้มากขึ้น ช่วยลดอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีข้อคิดดีมาฝากที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมีอะไรบ้าง ไปดูกัน
ที่มา : www.dek-d.com
10. เก็บเงิน 15% ของรายได้ที่ได้มา
เมื่อมันผ่านไป 5
ปีคุณจะตกใจเลยล่ะว่าคุณเก็บเงินได้มากอย่างเช่นเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ให้ค่า
ขนมเรา สมมติว่าได้เดือนละ 5 พันบาท ลองหักออกมาก่อน 15% ก็จะคิดเป็น 750
บาท จากนั้นก็ลองนำเงินก้อนนี้ไปฝากบัญชีออมทรัพย์ และเมื่อเก็บได้มากขึ้น
ก็ลองนำเงินก้อนนี้ไปทำอะไรสักอย่าง ทำให้เราภูมิใจด้วยนะคะ
9. เลิกกลัว เพราะความกลัวเป็นลักษณะของคนขี้ขลาด
เป็นอะไรที่พูดง่าย แต่ทำยาก
เราทุกคนก็คงรู้ดีว่าถ้าเรากำจัดความกลัวไปได้ เราจะกล้าทำอะไรใหม่ๆ
มากขึ้น แต่ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่เรายังกลัวอยู่ดี
เรื่องนี้มันอยู่ที่ตัวเราเอง มีประโยคหนึ่งว่า "หากเราพยายามเต็มที่แล้ว
ไม่ว่าผลออกมาเป็นยังไง สิ่งที่เกิดขึ้น
สุดท้ายแล้วมันจะนำไปสู่สิ่งที่ดีและเหมาะสมกว่า"
8. เขียนจดหมายหาตัวเองแล้วค่อยเปิดอ่านใน 5 ปีข้างหน้า เขียนคำถามข้อสงสัยใส่ลงไปในจดหมายด้วย
เป็นอีกวิธีที่น่าจะเจ๋งเหมือนกันเนาะ
เขียนจดหมายถึงตัวเองไว้ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่และอีก 5
ปีข้างหน้าเรา(น่า)จะเป็นยังไงบ้าง แล้วอีก 5 ปีข้างหน้าค่อยมาเปิดอ่านว่า
มันเป็นแบบที่เราตั้งใจไว้ไหม
7. ไปสถานที่ใหม่ๆ ทุกวัน
หลายคนอาจจะงงๆ
แค่ตารางชีวิตทุกวันนี้ก็ยุ่งจะตายแล้ว จะให้ไปไหนล่ะ? จริงๆ แล้ว
'ที่ใหม่ๆ' นี้ไม่ต้องถึงขั้นต่างจังหวัดหรือต่างประเทศหรอกค่ะ
เอาแค่เปลี่ยนร้านอาหารที่ทานข้าว
หรือเปลี่ยนห้องน้ำที่เคยเข้า(ไปเข้าห้องน้ำชั้นอื่น)
6. เรียนภาษาต่างประเทศให้เก่ง
เป็นอีกเรื่องที่หลายๆ
คนน่าจะพยายามกันอยู่ใช่มั้ยเอ่ย แต่ถ้าใครที่คิดว่าภาษาอังกฤษเราโอเคแล้ว
ก็ลองหาเรียนภาษาที่สามกันดูก็ไม่เลวเหมือนกันนะคะ เพราะพูดตามความจริงแล้ว
ไม่ว่าจะเรียนภาษาอะไรมันก็ดีกับเราทั้งนั้นค่ะ
ถ้าเรารู้สึกชอบและอยากเรียนจริงๆ ยังไงก็เรียนได้อยู่แล้ว และเชื่อเถอะค่ะ
ถ้าเราตั้งใจเรียนภาษานั้นๆ ไปเรื่อยๆ อีก 5 ปีผ่านไป
ถ้าไม่เก่งก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว!
5. เก็บสะสมเศษเหรียญเงินทอนเอาไว้
เชื่อว่าเป็นอะไรที่หลายๆ
คนน่าจะทำกันอยู่แล้ว
คือเอาพวกเศษเหรียญเงินทอนที่ได้มาหยอดใส่กระปุกหรือภาชนะอะไรก็ได้ที่ใหญ่ๆ
ใส่ไว้ทุกวันวันละสองสามบาทก็ได้ เชื่อสิคะ พอผ่านไปนานๆ
นี่คือมันจะเยอะขึ้นมากๆ จนเราเองก็ยังตกใจเลย นี่แหละที่เค้าเรียกว่า
มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
4. ดูพวกสารคดีให้บ่อยกว่าดูภาพยนตร์
ได้ยินชื่อว่า "สารคดี"
หลายคนคงคิดว่าน่าเบื่อแล้วใช่มั้ยล่ะคะ จริงๆ
มีสารคดีหลายอย่างที่สนุกมากกกกกกกกอย่างกับดูภาพยนตร์
มีหลายประเภทตามความสนใจให้เราเลือกดูกันเลย
เรียกว่าทั้งมันส์และได้ประโยชน์ด้วยล่ะ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่ดูหนัง
หาเวลามาเปิดพวก documentary ดูกันบ้างนะ
3. เขียนบันทึกประจำวันเก็บเอาไว้ มันจะช่วยให้คุณจำหรือนึกถึงสิ่งเก่าๆ ได้
สมัยนี้ยังมีใครเขียนไดอารี่ไว้มั้ย
คะ?เพราะปัจจุบันเราเสพติด Social Network กันจริงจังมาก
รู้สึกอะไรหรือเจออะไรมาก็พิมพ์เล่าสดๆ ร้อนๆ ลงเฟซบุคหรือทวิตเตอร์ทันที
จนทำให้ไม่ต้องเขียนลงในไดอารี่แล้ว แต่เอาจริงๆ
มันก็สู้การเขียนบันทึกใส่ในไดอารี่ไม่ได้หรอกคะ
2. อ่านหนังสือสัปดาห์ละ 1 เล่ม
รู้มั้ยคะว่าบุคคลที่รวยติดอันดับโลก
หรือระดับพวก CEO เนี่ย เค้าอ่านหนังสือกันเยอะมากๆๆๆ
เรียกว่าเป็นหนอนหนังสือเลยล่ะค่ะ ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
ดังนั้นใน 1 สัปดาห์ จึงแนะนำไว้ว่า ควรอ่านหนังสืออย่างน้อย 1 เล่ม
หนังสืออะไรก็ได้แต่ถ้าเป็นหนังสือที่ให้ความรู้หรือช่วยเปิดโลกทัศน์จะดี
มาก และมีเวลาว่างมากขึ้นให้ลองเปลี่ยนมาอ่านเป็นวันละ 1 เล่มแทน
1. เขียนไอเดียความคิดวันละ 20 อย่างลงบนอะไรก็ได้
เขียนไปเรื่อยๆ และวันหนึ่งเราอาจจะขุดเจอ
"สิ่งที่ใช่" ก็ได้นะ และเมื่อค้นหาเจอแล้ว อย่าลืมลงมือทำมันด้วย
ไม่ต้องเป็นเรื่องจริงจังก็ได้ค่ะ
อาจเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่เราบังเอิญนึกขึ้นได้ เช่น วันนี้กินส้มตำผลไม้
แม่ค้าน่าจะใส่ลำไยลงไปด้วยนะ จริงๆ ไม่ต้องถึง 20 อย่างก็ได้
เอาเท่าที่เราพอจะนึกออก ไม่แน่นะว่าถ้าเราเขียนไว้ทุกวันตลอด 5 ปี
เวลามาย้อนอ่านมันต้องเจออะไรเด็ดๆ ที่น่าเอาไปต่อยอดบ้างละ
http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20131115174324464