เรื่องนี้มาแรงจริงๆ มร.190 ไทยได้อะไร??

ไว้อาลัยแด่พื้นที่ประชาธิปไตย....มาตรา190

ไว้อาลัยแด่พื้นที่ประชาธิปไตย.... มาตรา190 : กระดานความคิด โดยกรรณิการ์ กิจติเวชกุล กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ วอทช์)

             ขณะที่ผู้คนในสังคมกำลังให้ความสนใจความเป็นไปของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่าจะไปถึงสุดซอยแค่ไหนและแสดงออกซึ่งจุดยืนของตัวเองในแง่มุมต่างๆ อย่างคึกคัก ด้วยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีความหมิ่นเหม่ต่อการทำลายหลักนิติรัฐในหลายแง่หลายมุมที่สุด ในรัฐสภา เสียงข้างมากก็ได้มีการลงมติแก้ไขเนื้อหาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ไปสู่ทิศทางที่ทำลายเจตนารมณ์ของมาตรานี้ อย่างเงียบๆ

             เจตนารมณ์ของมาตรา 190 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 คือ เพื่อสร้างธรรมาภิบาลในกระบวนการเจรจา สร้างความโปร่งใส การมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม และเป็นกลไกสร้างระบบการถ่วงดุลและตรวจสอบระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่าย นิติบัญญัติเพื่อให้ผลจากการทำหนังสือสัญญาเกิดประโยชน์โดยรวมมากที่สุดต่อ ประเทศชาติ

             อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 190 ฉบับที่ผ่านรัฐสภาไปอย่างเงียบเชียบเมื่อเที่ยงวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน ด้วยคะแนนเสียง 381 ต่อ 165 เสียง งดออกเสียง 9 เสียงนั้น ได้ตัดสาระสำคัญ 5 เรื่องออกไป

             1.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดหนังสือสัญญาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศ อย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งแต่เดิมหนังสือสัญญาเหล่านี้ต้องนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา ต่อจากนี้จะไม่นำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา มีเพียงหนังสือสัญญาที่มีบทให้เปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนเท่านั้น ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเมื่อการเจรจาเสร็จสิ้นแล้ว

             2.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการเสนอ “กรอบเจรจา” ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนการดำเนินการเพื่อทำหนังสือสัญญา ซึ่งเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองให้แก่รัฐไทย และทำให้คณะเจรจาต้องดำเนินการเจรจาอย่างมีคุณภาพและรอบคอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่อารยประเทศต่างๆ ถือปฏิบัติ

             3.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และเป็นกลไกที่ช่วยให้การเจรจามีความรอบคอบ ช่วยให้ผลการเจรจามีความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์โดยรวมต่อประเทศสูงสุด

             4.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการศึกษาวิจัยผลกระทบที่เป็นอิสระ เพื่อช่วยทำให้การเจรจามีความรอบคอบและรอบด้าน และมีความรู้ ข้อมูลเท่าทันกับคู่เจรจา

             5.เสียงข้างมากของรัฐสภา ได้ตัดกระบวนการตรวจสอบถ่วงดุล การมีส่วนร่วม ระหว่างฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและภาคประชาชน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และช่วยสร้างธรรมาภิบาลในกระบวนการเจรจาจัดทำหนังสือสัญญา

             นี่คือความล้มเหลวของระบบรัฐสภาไทยที่มุ่งเป้าหมายเพียงการเอาชนะทางการ เมือง โดยอ้างเสียงข้างมากในสภาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรม ไม่ได้ยึดถือข้อมูล เหตุผล หรือเห็นหัวประชาชน ไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์ปัญหา ความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นจากการเร่งทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ

             การแก้ไขมาตรา 190 เพื่อละเว้นการปฏิบัติตามกฎกติกาที่มีไว้เพื่อการสร้างธรรมาภิบาลในกระบวน การเจรจาจัดทำหนังสือสัญญาในครั้งนี้ เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างฝ่ายการเมืองที่หวังเพียงการกุมอำนาจให้ยาวนาน สุด กลุ่มทุนครอบชาติที่หวังเอาประโยชน์ และฝ่ายข้าราชการประจำบางส่วนที่เห็นประชาชนเป็นเพียงเบี้ยไพร่ที่ไม่สมควร มีที่ยืนในกระบวนการทางนโยบายใดๆ

             อย่าแปลกใจ หากพบว่า เมื่อความความโปร่งใสถูกลดทอนและประชาชนถูกเบียดขับ หลักการตรวจสอบถ่วงดุลเป็นสิ่งที่พึงรักษาไว้ในระบอบประชาธิปไตยถูกทำลาย ประชาชนถูกทำให้เป็นเพียงผู้หย่อนบัตรหรือปกปักษ์กลุ่มการเมืองที่สังกัดจน มืดบอดต่อการตรวจสอบถ่วงดุล เมื่อนั้นระบอบอันผิดเพี้ยนก็จะปรากฏตัวขึ้น

             ขอไว้อาลัยแด่มาตรา 190 และระบบรัฐสภาไทย