คอลัมน์ จับกระแสลูกทุ่ง
อนงค์ จันทร
ข่าวสด
ทิ้งช่วงงานเพลงชุดก่อนไปนานขนาดไหน
กระแต - "ถ้าเป็นอัลบั้มเดี่ยวห่างมา 2 ปี ครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาออกอัลบั้มเดี่ยวพิเศษ เพลงในอัลบั้มนี้แตกต่างจากอัลบั้มที่ผ่านมา พี่เณร (ศุภชัย นิลวรรณ) จะรู้ว่าเราร้องได้หลายแนว พี่เณรก็อยากที่จะตีตลาดใหม่ บวกกับความที่เราเป็นคนชอบการเต้น และได้ไปเรียนเต้นมา ก็เอาสองอย่างมารวมกับความเป็นกระแต ก็เลยได้เป็นอัลบั้มพิเศษนี้มาค่ะ"
คิดไหมว่าจะออกมาเป็นป๊อปจ๋าขนาดนี้
กระแต - "รู้อยู่แล้วค่ะ เพราะเราตั้งใจที่จะทำให้มีฮิพฮอพผสมอยู่ด้วย ตอนแรกผู้ใหญ่หลายท่านก็เป็นห่วงว่ามันจะฉีกแนวไปไหม คนจะเข้าใจไหม เราพูดเลยว่าเรามีการตั้งรับไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่ามันจะต้องมีความข้องใจ เคืองใจ ขุ่นใจสำหรับคอลูกทุ่งบ้าง แต่นี่มันเป็นแค่อัลบั้มพิเศษ ที่เราอยากจะโชว์ความสามารถอีกด้านนึง แต่เรายังร้องเพลงลูกทุ่งต่อไปแน่นอน"
กับเพลง "ตื๊ด" ที่โปรโมตช่วงแรก บอกว่าเป็นลูกทุ่งร่วมสมัย
กระแต - "มันถือว่าเป็นลูกทุ่งร่วมสมัย ก็ไม่อยากใช้คำว่าลูกทุ่ง เพราะหลายๆ คนรู้สึกว่ามันไม่ใช่ลูกทุ่ง พี่เณรเลยตัดสินใจว่า เพลง "ตื๊ด" ไม่ใช่ลูกทุ่ง แต่มันพลาดไปก่อนที่เราโปรโมตว่าเป็นลูกทุ่งร่วมสมัย โดยที่เรายังไม่ได้อธิบายอะไร คนก็เข้ามาโจมตีว่านี่ใช่เพลงลูกทุ่งเหรอ เราก็เลยเปลี่ยนเป็นเพลงสตริง หลังจากนั้นก็โอเคขึ้น จากตอนแรกในยูทูบยอดดิสไลก์ เยอะมาก เพราะคนไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้พอเขารู้ว่าไม่ใช่เพลงลูกทุ่งแล้ว เขาก็มากดไลก์"
ช่วงนั้นก็โดนวิจารณ์เยอะกับเพลงนี้
กระแต - "มันหลายอย่างรวมกันด้วย แล้วแต่วิจารณญาณ ของแต่ละคน สุดท้ายแล้วสิ่งที่เรารู้สึกดี คือเราทำในสิ่งที่เราอยากทำเสร็จแล้ว สิ่งที่เราเหนื่อยมานาน มันได้ออกสู่สายตาประชาชนแล้วก็จบ ส่วนใครจะชอบไม่ชอบขึ้นอยู่กับแต่ละคน ทำแล้วหายเหนื่อย ตั้งแต่ทำเพลงมาเพลงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จดีมาก เพราะยอดวิวก็เยอะกว่าทุกเพลงเท่าที่ผ่าน"
เตรียมงานกับเพลงนี้นานแค่ไหน
กระแต - "4 เดือนค่ะ ส่วนใหญ่เป็นการซ้อมเต้น ชุดนี้เป็นฮิพฮอพ ซึ่งนักร้องสตริงหลายคนยังไม่เต้นขนาดนี้ แต่กระแตชอบนะ เราเป็นคนทำงานเราชอบอะไรที่มันพัฒนาขึ้น ไปเรียนเต้นเพิ่มด้วย ใช้ชีวิตให้เต็มที่เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่แข็งแรงที่สุดในชีวิตด้วย"
เรื่องเสื้อผ้าในเอ็มวีก็มีคนวิจารณ์เยอะ
กระแต - "มันแล้วแต่คนค่ะ ชุดมันดูทะมัดทะแมง ดุๆ แอบเซอร์ๆ คิดว่าต้องเป็นกางเกงขาดๆ ตามแฟชั่น และถ้าเป็นกระแตก็ต้องใส่เสื้อเอวลอย มันก็แล้วแต่คนมองว่ามันโป๊หรือเปล่า ส่วนตัวมองว่าไม่โป๊"
กระแสดีแบบนี้ซิงเกิลที่ 2 จะปล่อยเป็นเพลงป๊อปต่อเลยไหม
กระแต - "คอนเซ็ปต์ในอัลบั้มนี้ เรามองไว้อยากให้เป็นป๊อปทั้งหมด คือถ้ามองในแง่ดีมันก็ทำให้วัยรุ่นหันมาฟังลูกทุ่งเยอะขึ้นมาก แต่กับตัวกระแตจะได้เปรียบคนอื่นตรงที่เพลงเราเด็กวัยรุ่นชอบตั้งแต่เปิดใจสาวแต ซึ่งตั้งแต่ครั้งนั้นก็มีงานเข้าไปร้องเพลงในผับอย่างต่อเนื่อง"
เนื้อเพลงเข้ากับจังหวะที่เรามีข่าวกับ "ซี-ศิวัฒน์" ฟังแล้วก็เหมือนว่า "ซี"หรือเปล่า
กระแต - "ขึ้นอยู่กับอาจารย์แต่งเพลงนี้ จริงๆ เรื่องข่าวก็จบแล้ว เพลงก็คือเพลง ไม่อยากจะโยงอะไร เพราะตอนที่ร้องเราก็ไม่ได้โยงกับใคร อารมณ์ของเพลงมันเป็นการชวนมาเต้น จะอกหัก รักคุด จะอารมณ์ไม่ดี เราก็มาเต้น"
ก่อนหน้านี้เจอมรสุมข่าวเยอะมากเป็นอย่างไรบ้าง
กระแต - "ชอบช่วงนี้ของชีวิตที่สุดแล้ว ที่ผ่านมามันก็เป็นบทเรียนของชีวิตทั้งดีและไม่ดี ไม่มีใครที่จะทุกข์ได้ตลอดเวลา วันนึงเราก็ต้องมีความสุข เหมือนเราเข้าใจโลกมากขึ้น เรามีธรรมะมาเกี่ยวด้วย มันก็ทำให้เราตาสว่าง ทั้งสุขและทุกข์มันไม่มีจริง ช่วงนั้นเครียดมาก เพราะตอนแรกเราเป็นแค่เด็กคนนึงที่มองโลกสดใส แต่วันนึงมาเจอแบบนี้รู้สึกว่ามนุษย์น่ากลัวจัง เรารู้สึกว่าโลกน่ากลัวขึ้นเยอะ ยิ่งโตยิ่งรู้สึกว่าเราต้องรักตัวเองมากขึ้น พูดง่ายๆ มนุษย์ทุกคนเห็นแก่ตัว แต่มากหรือน้อยแค่นั้นเอง"
ภาพก่อนหน้านี้ กระแตเป็นเด็กสาว น่ารัก ใสๆ แต่พอมีข่าวปุ๊บภาพเราเปลี่ยน
กระแต - "ใช่ค่ะ เพราะหลายอย่างมันก็ทำให้เราถึงจุดปี๊ดบ้าง ประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้ชีวิตมัน ใครจะพูดยังไงก็ช่าง บางทีมันก็เป็นเรื่องจริง บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องจริง เราก็ได้แต่หัวเราะเพราะทำอะไรไม่ได้ เราเอาเวลาที่รู้สึกว่าเครียดไปอยู่นิ่งๆ ดีกว่า ถ้าเราดิ้นตามเขาก็เข้าทางเยอะ แต่ก็ขอบคุณนะ เพราะทุกข์เหล่านี้ เรียกว่าทุกขลาภ ถ้าไม่เกิดทุกข์เหล่านี้หนูก็ยังเป็นเด็กใสๆ พอเจอเรื่องเหล่านี้เข้ามา ทำให้เราโตขึ้น และรู้ว่าโลกไม่ได้เลวร้าย แต่เป็นมนุษย์ต่างหาก"
มองความรักเปลี่ยนไปไหม
กระแต - "มองทุกเรื่องเปลี่ยน งาน ชีวิต ความรัก แต่สุดท้ายหนูยังมันกับงาน ยังไม่มีเวลาดูใคร ถ้าเรามีมันก็คงเข้ามาเอง ต้องมีคนที่เข้าใจเราดีถึงจะอยู่ด้วยกันได้"