ต้อน
รับวันฮาโลวีน 2013 ด้วยเรื่องราวสยองขวัญสั่นประสาทประจำรั้วมหาวิทยาลัย
ประสบการณ์ความสยองเล่ากันแบบปากต่อปากจากรุ่นสู่อีกรุ่นจนเป็นที่กล่าวขวัญ
เรื่อยมา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่สีสันที่ Life On Campus ได้รวบรวมมาฝากและแน่นอนว่าเรื่องสยองขวัญที่ถูกนำเสนอ ล้วนแต่มีความแตกต่างกันทั้งอารมณ์และสถานการณ์ของแต่ละบุคคล เริ่มต้นความน่ากลัว ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน จาก “แคน” ดนุลดา ปธานราษฎร์ นิสิตปริญญาโทภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แคน เล่าว่า เธอจบปริญญาตรีที่ ม.เกษตร แห่งนี้ และกำลังศึกษาต่อปริญญาโท ณ สถาบันเดิม เธอรู้มาว่ามหาวิทยาลัยที่เธอร่ำเรียนมาตลอด ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามโลก เธอจึงเชื่อว่าเรื่องลี้ลับที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ก็คงจะพอมีอยู่บ้างเพียงแต่ใครจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น แคนจึงไม่รอช้า ถือโอกาสเตรียมเรื่องเล่าจากประสบการณ์ชวนขนลุกมาเราได้ฟัง กันถึง 3 เรื่อง แถมยังบอกอีกว่า เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ โปรดใช้วิจารณาญาณในการอ่าน |
||||
สำหรับเรื่องแรกที่แคนจะเล่าให้ฟังนั้น เป็นเรื่องราวของรุ่นพี่ในอยู่หอพักเดียวกันเล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันนึงได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆที่ร้านอาหารที่อยู่นอกมหาวิทยาลัย กว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปตีหนึ่ง ตีสอง แกก็ขี่มอเตอร์ไซค์กลับเข้ามานอนที่หอพักใน ซึ่งในสมัยนั้นหอในชายที่ม.เกษตรจะเปิดตลอด 24 ชม. ระหว่างที่ขี่ผ่านบริเวณสำนักพิพิธภัณฑ์การเกษตรที่อยู่บริเวณฝั่งถนนวิภา วดี ด้านหน้าจะมีศาลาทรงไทยอยู่กลางสระน้ำ พื้นที่แถวนั้นค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ค่อยมีไฟทาง ต้นไม้ก็เยอะ ...เห็นมีผู้หญิงใส่ชุดสีขาวยืนอยู่ริมถนน... ตอนแรกพี่เขาก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าเป็นนิสิตหญิงที่กำลังจะกลับเข้าหอ ก็เลยขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านไป แต่เมื่อพี่คนนี้มองกลับไปที่ศาลาทรงไทยก็เห็นผู้หญิงผมยาวยืนชุดขาวอยู่ใน ศาลา แต่ว่า ...ศีรษะของผู้หญิงคนนี้กลับอยู่สูงจนชิดติดเพดานของศาลาไทย |
||||
ส่วนเรื่องที่สอง แคนบอกว่าเป็นเรื่องเกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ แคนกับเพื่อนๆหลังจากที่ออกจากห้องแลป ก็มารวมกลุ่มนั่งทำนายดวงโดยใช้ไพ่ทาโรต์กัน โดยเพื่อนที่ดูให้ชื่อโดม เป็นคนที่ค่อนข้างมีเซ้นส์พิเศษ โดยดูกันประมาณ 5 คนและแคนเป็นคนสุดท้าย หลังจากที่เปิดไพ่แค่ไพ่ใบแรกก็ทำเอาขนลุกกันทั้งวง คำทำนายตีความได้ว่าแคนมีสิ่งลี้ลับคอยติดตามอยู่ เป็นผู้ชาย ตอนแรกก็ไม่ได้นึกอะไร คิดว่าอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร ทุกคนที่ล้อมวงฟังช่วยกันตีความกันไปต่างๆนานา แต่พอยิ่งเปิดไพ่ โดมก็ยิ่งตีความไม่ได้ เหมือนคำทำนายกล่าวถึงแต่ผู้ชายคนนั้น การพลัดพรากสูญเสีย ซึ่งเหมือนไพ่ที่เปิดไม่ใช่คำทำนายของแคน ไพ่ที่เปิดก็กลับหัวเกือบหมด จนกระทั่งใบสุดท้ายที่เป็นใบสรุปการทำนายก็ค่อยยังชั่วหน่อยที่มีความหมายไป ในที่ค่อนข้างดี แต่ก่อนหน้านี้เหมือนเป็น paradox ตีความหมายของไพ่ไม่ได้เลย จนโดมตัดสินใจที่จะล้างไพ่ทั้งสำรับแล้วให้แคนเลือกหยิบมาเพียง 1 ใบ แคนอธิษฐานว่าขอให้ไพ่เปิดเผยดวงชะตาของตนเอง ส่วนโดมก็ถามในใจกับไพ่ว่าจะให้ทำนายต่อหรือไม่ แต่ไพ่ที่หยิบได้คือไพ่ 5 คทากลับหัวหมายถึง "อย่าทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะ!!!!" เล่นเอาวงแตกกันเลยทีเดียว ทุกคนต้องรีบยกมือไหว้ขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง รีบเก็บของกลับบ้านกันทันใด |
||||
สำหรับเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องเล่าในภาควิชา สมัยตอนอยู่ปี 3-4 เคยมีรุ่นพี่มาขู่ว่าทำแลปดึกๆระวังจะเจอก็เลยไม่กล้าอยู่ดึก แต่ก็มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ทำแลป หนึ่งในนั้นก็คือนักวิทยาศาสตร์ของภาควิชา โดยรุ่นพี่คนนี้ เล่าให้ฟังว่ามีอยู่คืนนึงตอนประมาณสามสี่ทุ่ม ยังไม่ได้กลับบ้าน ในห้องทำงานของพี่จะมีทีวีที่ลิ้งค์กับกล้องวงจรที่ติดไว้ที่หน้าประตูทาง เข้าของทุกชั้นของที่ภาควิชา พี่ก็เห็นเงาดำๆเหมือนเป็นผู้ชายมา ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าชั้น 4 ของภาควิชา โดยประตูทุกชั้นของภาควิชาจะต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้า-ออก จึงคิดว่า อาจจะเป็นนิสิตรุ่นน้องลืมของไว้แล้วจะกลับเข้ามาเอา เลยหวังดีจะไปเปิดประตูให้ แต่พอเดินไปที่ระเบียงทางเดินกลับไม่พบใคร อีกทั้งลิฟต์ก็ปิดแล้ว ถ้าจะเดินลงบันไดก็ต้องได้ยินเสียงคนเดินแต่กลับไม่ได้ยินเสียงอะไร จึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องตัวเองอย่าง งงๆ แต่เมื่อกลับที่โต๊ะก็พบว่ากล้องวงจรปิดยังจับภาพเงานั้นได้อยู่ พี่แกเลยตัดสินใจกรอภาพกลับไปก่อนหน้านี้ กล้องก็จับภาพตอนที่เขาเดิน ไปที่ประตูจริง พร้อมกับทำอาการเหมือนชะเง้อมองหาอะไรสักอย่าง พอไม่เจออะไรก็เดินกลับ แต่ว่าเงานั้นก็ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูจนกระทั่งพี่คนนี้เดินกลับมาโดยที่ ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นภาพเงาดังกล่าวเลยสักนิด วันรุ่งขึ้นก็รีบเอาฟิลม์ให้หัวหน้าภาคดู หัวหน้าภาครีบนัดประชุมจัดวันทำบุญภาควิชาเป็นการด่วน |
||||
เพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ใช่ … คน ตั๊ก เล่าว่า เธอมาเรียนตามปกติของมหาวิทยาลัยเปิดอย่าง ม.ราม ยิ่งช่วงกลางเทอมคนจะมาเรียนน้อยมาก วันนั้นก็เหมือนกันคือทั้งห้องมากันแค่ 2 คน (ห้องกว้าง จุคนได้ประมาก 900 คน) ก็นั่งรออาจารย์มา พออาจารย์มาถึง ท่านก็บอกว่า "อ้าว มาแค่คนเดียวเองเหรอวันนี้" ตั๊กก็คิดในใจว่าแล้ว ...ผู้ชายที่นั่งถัดไปอีก 8 โต๊ะนั่นไม่ใช่คนหรือไง จาก นั้นอาจารย์ ก็รอไปสักพักแล้วก็บอกว่า มาคนเดียวก็คนเดียว เรียนกันเถอะ ตั๊กก็เอะใจแต่ก็ไม่คิดอะไร เพราะเป็นคนที่มีเซ้นส์เรื่องนี้พอสมควร จึงตั้งใจเรียนไปแต่ก็ยังหันไปมองผู้ชายคนนั่งถัดไกลออกไป 8 โต๊ะคนนั้น แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงเห็น และรู้สึกได้ว่าเค้าเป็นอะไรที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับมิตินี้ ผู้ชายคนนั้นใส่ชุด นศ. ตามปกติ เพียงแต่ดูเก่าซีด เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจอะไร เพียง แต่นั่งอยู่ตรงนั้นเฉยๆ จึงตัดสินใจหันไปเรียนตามปกติ พอหันไปอีกทีผู้ชายคนนั้นก็หายไปแล้ว จากนั้นก็ได้แต่ช่วยแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เขา |
||||
อีกเรื่องหนึ่งที่สัมผัสได้พอๆ กันเรื่องแรก คือเวลาเดินในมหาวิทยาลัย ตั๊กจะเลือกเดินข้างหลังตึกเก่าตึกหนึ่ง เหตุผลเพราะ รถผ่านน้อยทำให้เดินสะดวก จึงไม่ค่อยมีใครเดินผ่านไปสักเท่าไหร่ จนกระทั่งวันนึง สายตาดันไปเห็นมือยื่นออกมาจากข้างหลังต้นไม้ใหญ่ก็เลยหันไปมอง ปรากฎว่า ... เห็นมือใส่เล็บแบบรำไทย รำอยู่หลังต้นไม้ คิด ในใจว่า ใครจะไปรำหลังต้นไม้ จึงตัดสินใจเดินไปดูก็ไม่เห็นมีใคร เลยเข้าใจว่า คงมีคนออกมารำให้ดู หลังจากนั้นเวลาเดินผ่านก็จะเจอประจำ ตั๊กก็ทักไปในใจทุกทีว่า สวัสดีคะ วันนี้ก็มาอีกแล้วนะคะ |
||||
เคยมีรุ่นพี่มาถ่ายรายการผี ในฉากก็ได้เซตไว้ว่ามีการพูดคุยของพิธีกรและแขกรับเชิญในรายการ และช่วงพูดคุยจะให้เพื่อนช่วยเขย่าต้นไม้ด้านข้างๆที่นำมาตั้งไว้ในฉากพอ ตอนถ่ายทำก็ถ่ายกันไป สักพักต้นไม้ก็เขย่า แต่สิ่งที่น่าตกใจ ต้นไม้ที่เขย่านั้น มันไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย แต่ทำไมต้นไม้มันเขย่าได้ ทำให้ทุกคนในวิ่งออกมากันหมด ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเคยเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อาจารย์ได้สั่งงาน เป็นรายการที่ถ่ายทำในสตูดิโอเดิม พวกเราก็ทำรายผีอีก คราวนี้ได้เซตเวทีเรียบร้อย มีช่วงหนึ่งในรายการให้เป็นการแต่งหน้าศพ พอถ่ายทำรายการเสร็จเรียบร้อยก็เข้าสู่กระบวนการตัดต่อ ในช่วงการตัดต่อพอมาถึงช่วงรายการที่มีการแต่งหน้าศพ ... มีภาพใบหน้าคน ยิ้มให้กล้อง ปรากฏอยู่กลางเวที ตรงกลางศพที่เซตขึ้นมา พวกเราตกใจ ขนลุกกันทุกคน |
||||
ใคร? ...ในห้องน้ำคณะ ย้อนกลับไปช่วงปี 1 คุณแม่ต้องการให้เตยพักที่หอในของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ชื่อหอ พักนักศึกษาหญิง 9 หลัง พักกับเพื่อนคนนึงมาจากต่างโรงเรียน แต่เรียนสาขาเดียวกัน คืนแรกของการเข้าพักก็ปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอคืนที่ 2 ที่ ที่ห้องน้ำคณะวิทยาการ ลักษณะห้องน้ำคือ ประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้าไปแล้วโถปัสสาวะจะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้า กับกระจกส่องหน้าจะอยู่ทางขวา เคยมีรุ่นพี่เล่าว่า ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบ ได้ไปอ่านหนังสือที่คณะวิทยาการ แล้วเข้าห้องน้ำคนเดียว เพื่อนคนอื่นๆ ก็นั่งอ่านหนังสือต่อ พอเข้าไปในห้องน้ำ จะมีโถปัสสาวะอยู่สองอัน อันแรกติดประตู อันที่สองอยู่ด้านขวา ถัดไปข้างในอีก เขาบอกว่า ..ตอนเข้าไปคนเดียว ไม่มีอะไร แต่ตอนทำธุระเสร็จแล้ว มองออกไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นว่า กำลังมีคนยืนในห้องน้ำอีกคน แต่หันหลังให้ ตอนแรกนึกว่าตาฝาดเพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอไปดูในกระจก ก็เห็นเหมือนเดิม?.. คืนนั้นเลยไม่ได้อ่านหนังสือกันพอดี กลับมาที่หอพัก จะอาบน้ำซึ่งห้องน้ำที่หอจะเป็นห้องน้ำรวม ก็เห็นภาพคนที่กระจกคนเดิมเหมือนกับที่เกิดขึ้นในห้องน้ำคณะ ตอนนั่นคิดอะไรไม่ได้ ได้แต่ร้องและวิ่งไปหาเพื่อนที่อยู่ใกล้ห้องน้ำ ชวนเพื่อนกลับมาดูอีกรอบที่กระจกห้องน้ำ แต่ครั้งนี้ไม่เจอ รุ่งเช้าจึงตัดสินใจย้ายออกไปอยู่หอนอกทันที เพราะไม่อยากเห็นผี และไม่เข้าห้องน้ำที่คณะอีกแล้ว ใบเตย บอกว่า เรื่องที่สองที่เธอจะเล่าให้ฟังนั้น เป็นเรื่องของรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นพักอยู่หอหญิง 7กำลังเตรียมตัวอาบน้ำที่ ชั้น 3 ซักพักได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาอาบน้ำในห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงฝักบัว แถมยังมีน้ำกระเซ็นเข้ามาที่ห้องตัวเองอาบอยู่อีกต่างหาก แต่รุ่นน้องเป็นคนอาบน้ำช้า ห้องข้าง ๆ เลยกลับออกไปก่อน พอรุ่นน้องอาบน้ำเสร็จ เปิดห้องออกมา เดินผ่านห้องข้าง ๆ แต่กลับไม่มีร่องรอยการอาบน้ำเลย ตรงฝาผนังและพื้นแห้งสนิท ! |
||||
ใบเตยมีเพื่อนเรียนอยู่ที่ ม.เชียงใหม่ เคยเล่าไห้ฟังว่า พื้นที่ตรงนี้เมื่อก่อนเป็นป่าช้าและลานประหารเก่า ทำให้เรื่องเล่าเรื่องผีทั้งเก่าและใหม่เกิดขึ้น แต่น้อยคนนักที่จะพูดถึง แต่มีอยู่ที่หนึ่ง บริเวณหอนาฬิกาใหญ่ ตรงสี่แยกจากประตูหลังมอ ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษาศาสตร์ และโรงเรียนสาธิต ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ เป็น หอ 4 ชาย และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหอ 6 หญิง เรื่องนี้เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน มีเปรต หากไปลองของ อาจโดนดีได้ ...ใครที่อยากการลองดี ให้ไปขับรถวนทวนเข็มที่หอนาฬิกา สามรอบในช่วงเวลาตอนเที่ยงคืน ซึ่งเคยมีคนเล่ากันว่า ไม่เคยมีใครขับรถทวนเข็มนาฬิกาได้ครบสามรอบซักคน ผู้ มีประสบการณ์เล่าว่าในขณะที่วนรถอยู่นั้น จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นผิดปกติแต่วนไปรอบสองก็ไม่เกิดอะไรขึ้น มาเกิดตอนที่จะครบรอบที่สามจู่ ๆ ก็มีเสาสองต้นมาตั้งขวางถนนอยู่ ทำให้ต้องหักรถหลบ รถล้มบ้างแฉลบบ้างไปตามๆกัน หรือบางครั้งก็มี นักศึกษาที่พักอยู่ในหอพักชาย 4 และหญิง 6 ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกา มักได้ยินเสียงแหลมๆเล็ก ดังมาจากทางหอนาฬิกา พอสอบถามเพื่อนๆ กับรุ่นน้องหลายคนว่าก็พบว่า ไม่มีเด็กสาธิตคนไหนทำกิจกรรมและส่วนคณะวิศวฯ ก็จัดกิจกรรม หรือการก่อสร้างใดๆ และที่สำคัญบางห้องได้ยิน บางห้องไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ติดกัน? |